ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ไทยแวร์รีวิว
 

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 14,455
เขียนโดย :
0 %E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81+Helvetica+%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

 ว่าด้วยเรื่องของ Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว ที่ Max Miedinger และ Eduard Hoffmann ร่วมกันออกแบบฟอนต์ตัวหนึ่งขึ้นมา โดยตั้งชื่อให้มันว่า Neue Haas Grotesk ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเรียกเป็น Helvetica ซึ่งฟอนต์นี้ได้กลายเป็นฟอนต์ในตำนาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงมาจนถึงปัจจุบันนี้ คำกล่าวว่า "ถ้าไม่รู้จะใช้ฟอนต์อะไรแล้วล่ะก็ งั้นเอาฟอนต์ Helvetica ละกัน" ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เราลองมารู้จักฟอนต์นี้กันให้มากขึ้นดีกว่า ว่ามีความเป็นมาอย่างไร แล้วทำไมมันถึงเป็นที่นิยมเสียเหลือเกิน

บทความเกี่ยวกับ Font อื่นๆ

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

จุดกำเนิด

Helvetica (ชื่อเดิม Neue Haas Grotesk) ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยีการพิมพ์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ จากเดิมที่เป็นการพิมพ์โดยใช้แม่พิมพ์เหล็กฉาบหมึกกดทับลงไปบนกระดาษ เข้าสู่ยุคที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการพิมพ์ ไล่มาตั้งแต่เครื่อง Phototypesetting ไปจนถึงการใช้คอมพิวเตอร์ทำ Word processing ช่วงนั้นเองที่ฟอนต์ Helvetica ได้ถูกนำมาใช้เป็นฟอนต์หลักในการพิมพ์สิ่งต่างๆ จนแพร่หลายความนิยมไปทั่วโลก แต่ความสำเร็จของมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด มันเกิดจากความคิดที่ละเอียดอ่อน และเอาใจใส่ของผู้ออกแบบ

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
การพิมพ์ในอดีตที่อาศัยการเรียงแม่พิมพ์ตัวอักษรทีละตัวลงบนแท่นพิมพ์

Eduard Hoffmann เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1982 ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวัยหนุ่มมีความสนใจในด้านวิศวกรรม และการบิน แต่ต่อมา Max Krayer ลุงของเขาได้ชวนเขาไปทำงานด้วยที่โรงพิมพ์ Haas’sche Schriftgiesserei (Haas Type Foundry) ในตำแหน่งผู้จัดการร่วมกันกับลุงของเขา ภายหลังจากที่ max Krayer เสียชีวิตไปในปี 1944 เขายังคงดำรงตำแหน่งผู้จัดการนี้ต่อไปเพียงลำพัง

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
Eduard Hoffmann

ในช่วงต้นปี 1950 Hoffmann ได้มีความคิดที่จะพัฒนาฟอนต์ Sans serif แบบใหม่ขึ้นมาเอง เพื่อใช้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องเล่าก่อนว่ายุคนั้น ฟอนต์ Sans serif ที่นิยมใช้งานอยู่ในประเทศโซนยุโรป คือ ฟอนต์ตระกูล Akzidenz Grotesk ซึ่งเป็นฟอนต์แบบ Sans serif สุดเก่าแก่

เกร็ด : ฟอนต์ Sans serif คือ ฟอนต์ที่เส้นหนาเท่ากัน และไม่มีเชิง ส่วนฟอนต์ Serif จะมีเชิงตรงปลาย และความหนาของเส้นฟอนต์มักจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน

สีดำ คือ ฟอนต์ Sans serif ส่วนสีแดง คือ ฟอนต์ Serif

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

แต่กว่าที่ฟอนต์ของ Hoffmann จะได้เริ่มพัฒนาจริงๆ ก็ต้องรอมาจนถึงปี 1956 เลยทีเดียว ขณะนั้นฟอนต์ Grotesk เป็นฟอนต์ดาวรุ่งพุ่งแรงในยุโรป แต่ Hoffman ไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่ากดดัน แต่มันคือโอกาสต่างหาก! เขาเริ่มติดต่อกับ Max Miedinger พนักงานผู้ทุ่มเทให้กับ Haas Type Foundry มากว่าสิบปี ผู้ที่เป็นทั้งเซลล์แมน และนักออกแบบตัวอักษร 

ในช่วงระหว่างปี 1957-1958 Hoffmann และ Miedinger ช่วยกันปรับแต่งตัวอักษรไปทีละตัวเพื่อให้ฟอนต์มีความสมบูรณ์แบบที่สุด ความสวยงามที่ Hoffmann ต้องการไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในแต่ละตัวอักษรเท่านั้น แต่เมื่อพิมพ์ออกมาเป็นคำแล้ว มันจะต้องดูลงตัว และไม่ว่าจะพิมพ์ด้วยฟอนต์ขนาดใหญ่เท่าไหนก็ตาม มันจะต้องยังสวยงามอีกด้วย

จากสมุดบันทึกการทำงานของ Hoffmann ที่จดไว้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1957 ได้ปรากฏคำหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือคำว่า "Hamburger" เขาเชื่อว่าฟอนต์ที่ดีต้องพิมพ์คำนี้ออกมาได้สวย หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่าฟอนต์ Helvetica ถูกออกแบบมาภายใต้เงื่อนไข คือ ต้องพิมพ์คำว่า "Hamburger" แล้วออกมาดูสวยงามก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
Max Miedinger
มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

Max Miedinger เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของฟอนต์ Helvetica อย่างสูง นอกจากเขาจะเป็นผู้ที่นำภาพร่างตัวอักษรของ Hoffmann มาพัฒนาต่อให้เป็นฟอนต์ที่สมบูรณ์แล้ว เขายังอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เขามีอยู่กับบรรดาศิลปิน และโรงพิมพ์ต่างๆ เพื่อแนะนำฟอนต์นี้ให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย 

หลังจากที่ปรับปรุงฟอนต์จนเป็นที่พึงพอใจแล้ว ในที่สุด Haas Type Foundry ก็วางขายฟอนต์ดังกล่าวในตลาด โดยใช้ชื่อว่า Neue Haas Grotesk ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอสมควร ในปี 1959 โรงพิมพ์กว่า 10% ในสวิตเซอร์แลนด์มีฟอนต์นี้ให้ลูกค้าเลือกใช้

Neue Haas Grotesk เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ทีมการตลาดของ Linotype Corporation ได้ติดต่อกับ Hoffmann เพื่อซื้อฟอนต์ตัวนี้มาขายต่อ และได้เสนอให้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็นฟอนต์ "Helvetia" (ภาษาละตินของคำว่าสวิตเซอร์แลนด์) แต่ทาง Hoffmann รู้สึกว่า แม้ฟอนต์ตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ก็ตาม แต่การนำชื่อประเทศมาใช้เป็นชื่อประเทศเลยดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เขาเลยตัดสินใจตั้งชื่อใหม่ว่า "Helvetica" ที่มีความหมายว่าแบบอักษรของสวิตเซอร์แลนด์แทน

ความนิยม

ในมุมมองของนักออกแบบ การเลือกใช้ฟอนต์ในตัวงานมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าองค์ประกอบอื่นๆ เลย ฟอนต์แต่ละแบบต่างสามารถสื่ออารมณ์ได้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่น ฟอนต์ที่มีลายเส้นพู่กันจะทำให้เราคิดถึงความเป็นประเทศจีน ฟอนต์ลายมือทำให้เราคิดถึงความสนุกสนาน ฯลฯ

แต่สำหรับฟอนต์ Helvetica แล้ว มันไม่สื่อถึงอะไรเลย ตัวตนของมัน คือ เรียบง่าย, ธรรมดา และไม่สื่อถึงความรู้สึกใดๆ อาจจะด้วยเพราะเหตุผลนี้ ทำให้มันถูกนิยมใช้ในงานที่ต้องการความเป็นกลาง, งานที่เป็นสากล หรืองานที่ต้องการความเรียบง่าย

Helvetica ถูกใช้อย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อถนน, ป้ายชื่อสถานี, ข้อความบนหัวกระดาษในเอกสารของบริษัท ฯลฯ บริษัทใหญ่ในระดับโลกส่วนใหญ่ที่ในโลโก้มีข้อความ ก็มักจะหยิบเอาฟอนต์ Helvetica นี่แหละมาใช้ในโลโก้ของตนเอง แม้แต่ Apple เอง ทั้ง macOS และ iOS ก็เคยใช้ฟอนต์นี้เป็นฟอนต์หลักในระบบปฏิบัติการของตนเองมาแล้ว หรือฟอนต์ Microsoft Sans Serif ก็ออกแบบโดยใช้ Helvetica เป็นพื้นฐาน

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
โลโก้บริษัทเหล่านี้ ล้วนแต่ใช้ Helvetica ทั้งสิ้น

ความสำเร็จที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

Helvetica ทะยานสู่ความสำเร็จเป็นอย่างสูงในช่วงยุค 1960-1970 จนกลายเป็นตัวเลือกหลักเมื่อใครสักคนต้องการแสดงความทันสมัย ความเป็นสากล หลายบริษัทเชื่อว่าการใช้ฟอนต์ตัวนี้จะช่วยให้ลูกค้ามองภาพลักษณ์สินค้าว่ามีความทันสมัยได้ ระบบคอมพิวเตอร์ เอกสาร ป้ายหลายชนิด เลือกใช้ฟอนต์ตัวนี้เป็นหลัก ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "ก็มันดูดี และใครๆ ก็ชื่นชอบ"

เมื่อความสำเร็จแพร่หลายไปทั่ว มันจะกลายเป็นความธรรมดาไปในที่สุด

หลังจากผ่านยุค 90 เป็นต้นมา Helvetica มีความหมายไม่ต่างจาก "ค่าเริ่มต้น" มันกลายเป็นฟอนต์ที่ถูกใช้เสมอ เมื่อคุณคิดอะไรไม่ออก แน่นอนว่าเหล่านักออกแบบที่ใส่ใจกับฟอนต์ย่อมรู้สึกว่า การใช้ฟอนต์ Helvetica ในงาน เท่ากับความไม่เอาใจใส่ต่อการเลือกฟอนต์

ในความเป็นจริง Helvetica ไม่ได้ทำผิดอะไร มันดีงามในแบบของมัน แต่ความนิยมของมันที่มากจนเกินไป ทำให้มันถูกใช้จนกลายเป็นความน่าเบื่อไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ Helvetica อาจจะดูน่าเบื่อ แต่มันยังเชื่อใจได้เสมอ เมื่อเราต้องการทำงานอะไรสักอย่าง

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

Helvetica Now !?

Monotype บริษัทที่ตอนนี้ถือครองลิขสิทธิ์ของฟอนต์ Helvetica ได้ออกมาประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2019 ที่ผ่านมา ถึงการปรับปรุงฟอนต์ Neue Helvetica ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1983 ซึ่งเป็นการปรับปรุงเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปีเลยทีเดียว ฟอนต์เวอร์ชันใหม่นี้ถูกเรียกว่า "Helvetica Now" มีการปรับปรุงเส้นโค้ง และลักษณะของตัวอักษรในหลายจุด แถมยังแจกฟอนต์แบบตัวปกติให้ไปทดลองใช้งานกันฟรีๆ เสียด้วย แต่มันจะสร้างความนิยมได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นที่จะบอกเราได้

มารู้จัก Helvetica ฟอนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก


ที่มา : www.webdesignerdepot.com , www.graphicpear.com , en.wikipedia.org , www.monotype.com , www.lifehack.org , multimediaman.blog , en.wikipedia.org , en.wikipedia.org , www.creativeboom.com , www.monotype.com

 

0 %E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81+Helvetica+%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

รีวิวที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น