จากบทความที่ผ่านมาเราได้พูดถึง 10 หนังปวดใจ น่าผิดหวังแห่งปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 10 หนังสุดประทับใจ ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)
*คำเตือน มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญของหนังหลายเรื่อง*
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง - The Medium นี่คือหนังผีไทยที่ร่วมงานกับทางเกาหลีใต้ กำกับโดย พี่โต้ง-บรรจง และร่วมเขียนบทกับ นา ฮง-จิน ที่เคยฝากผลงานอย่าง The Wailing ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) เอาไว้ มันจึงไม่แปลกเลยที่ร่างทรงจะมีกลิ่นอายของ The Wailing อยู่
หนังบอกเล่าเรื่องราวของร่างทรงย่าบาหยันที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจนถึงป้านิ่ม จนล่าสุดป้านิ่มได้มาเจอกับสิ่งผิดปกติในตัวของมิ้งหลานสาวของเธอเอง
ร่างทรงเป็นหนังผีแนว Found Footage ที่นำเสนอแบบ Mockumentary หรือสารคดีปลอม ๆ นั่นแหละ มันดีในด้านของการสร้างบรรยากาศ ความสมจริงที่ทำให้คนดูคล้อยตามหรือติดตามไม่ยาก แต่มันก็มีข้อเสียใหญ่ ๆ อย่างน่าเสียดายอยู่ในนี้แหละ ตากล้องมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครน้อยมาก และทุกตัวละครก็แทบจะทำเหมือนตากล้องไม่มีตัวตนทั้งที่บางทีกล้องจะทิ่มหน้าอยู่ละ ยิ่งช่วงท้าย ๆ หนีเอาชีวิตรอดตากล้องยังมาถ่ายตัวเองอีก
ฉากจาก หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง
ที่มาภาพ : imdb.com
แต่นอกเหนือจากนั้น หนังบิ้ว สร้างบรรยากาศได้ดีมาก หลอนเลย พิธีกรรมต่าง ๆ ถึงกับทำให้สงสัยว่าพิธีกรรมเหล่านี้มันจริงมั้ยนะ แค่ดูจบแล้วคนดูออกมาหาคำตอบว่าย่าบาหยันมีจริงไหม แค่นี้หนังก็ทำสำเร็จละครับ ช่วงแรกและช่วงหลังจะใช้วิธีและจังหวะในการเล่าต่างกัน ช่วงแรกแบบแนวสารคดีปลอมเต็ม ๆ ช่วงหลังระทึกเอาชีวิตรอด เราโอเคกับทั้งสองพาร์ทเลยมันสนุกคนละแบบ
ญดา นริลฐา ในบทมิ้ง จาก หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง
ที่มาภาพ : imdb.com
ที่น่าชื่นชมที่สุดต้องยกให้ ญดา นริลฐา ที่แสดงโคตรดี ดีแบบดีจริง ๆ โดยเฉพาะตอนที่โดนผีเข้าแต่ละซีนนี่คือแบบทุ่มสุดตัวมาก ตัวจริงน่ารักมาก และสวยมากถึงมากที่สุด สรุปร่างทรงถือเป็นหนังที่น่าชื่นชมมากเรื่องนึง ประทับใจที่ได้เห็นผลงานดี ๆ และอยากเห็นต่อไปอีก
ญดา นริลฐา
ที่มาภาพ : instagram/yadarilya
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ สารคดี ร่างทรง ได้ที่นี่ :
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Tokyo Revengers
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Tokyo Revengers - โตเกียว รีเวนเจอร์ส ถือเป็นหนังที่ผมประทับใจมาก ต้องบอกก่อนว่าตัวผมไม่เคยดูหรืออ่านมังงะเรื่อง Tokyo Revengers มาก่อน โอเคแหละเคยได้ยินชื่อเห็นผ่านตาตามหน้าฟีด FB บ้างเพราะมันดัง คนรอบตัวก็เชียร์ พอมาเป็นหนังก็เลยตัดสินใจไปดู ผลปรากฏว่า เห้ย ชอบว่ะ โคตรสนุกเลย พล็อตเจ๋ง แอ็คชันเดือด ซีนเท่ ๆ เพียบ
Tokyo Revengers คือเรื่องราวของชายที่ชื่อ ทาเคมิจิ หนุ่มขี้แพ้ที่ใช้ชีวิตแบบไร้เป้าหมายไปวัน ๆ แต่แล้ววันนึงเขาก็โดนผลักตกรางรถไฟและในวินาทีที่กำลังจะโดนชนเขากลับย้อนอดีตไปตอนอยู่มัธยมได้ ทำให้มีโอกาสไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต และช่วยชีวิตไม่ให้แฟนสาวเขาตายในอนาคต
นี่คือหนังนักเลงแบบเดินทางข้ามเวลา ผมชอบสุดคือพล็อตเนี่ยแหละ เล่าเรื่องน่าติดตามอีก โคตรเจ๋งอะ มันมีความแก้ปม เดินทางข้ามเวลาไปมา และยังมีความเป็นหนังนักเลที่เท่แบบพวกหนังนักเลงญี่ปุ่นอย่างอีกาหรือ High & Low ที่ซีนต่อยตีมันจะดิบ ๆ เท่ ๆ เรียล ๆ เรื่องนี้แม่งดีแบบนั้นเลย เอาเป็นว่าผมประทับใจมาก คือดูจบแล้วตามหาดูการ์ตูนต่อเลยจริง ๆ
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Tokyo Revengers
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Tokyo Revengers ได้ที่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Dune
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Dune - ดูน สร้างมาจากนิยายของ Frank Herbert ที่ได้รับการยกย่องเทียบเท่า The Lord of the Rings เลยทีเดียว (และแน่นอนผมไม่เคยอ่าน) แต่ประทับใจ Dune ฉบับหนังมาก กับเรื่องราวของตระกูลหนึ่งที่ถูกส่งไปให้ปกครองดาวทะเลทรายที่มีสสารที่มีค่ามากสุดในจักรวาล แต่มันคือกับดักที่จักรพรรดิได้วางเอาไว้
Timothée Chalamet (ซ้าย) Zendaya (ขวา) ใน หนัง ภาพยนตร์ Dune
ที่มาภาพ : imdb.com
นี่คือผลงานการกำกับของ Denis Villeneuve ที่โดยส่วนตัวผมออกตัวเลยว่าชอบผลงานเฮียแกหลายเรื่องนะ ทั้ง Prisoners, Sicario, Arrival และล่าสุดอย่าง Blade Runner 2049 แน่นอนว่าหากใครติดตามผลงานของเขามาก็จะรู้ว่าหนังของ Denis Villeneuve จะเป็นแนวสโลว์เบิร์นเสียส่วนมาก อย่างล่าสุด Blade Runner 2049 เนี่ยสโลว์เบิร์นแบบจัด ๆ เป็นต้น แต่อย่าง Dune มันสโลว์เหมือนกันแต่ผมว่าเร็วและดูง่ายกว่ากันเยอะ
ฉากจาก หนัง ภาพยนตร์ Dune
ที่มาภาพ : imdb.com
หนึ่งในสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องนี้คืองานสร้างทั้งภาพและเสียง เนื้อเรื่องก็น่าติดตาม มันเป็นหนังแบบเกมการเมืองรูปแบบ Sci-fi ชวนให้นึกถึงแบบ Game of Thrones ที่ Sci-fi กว่าอะไรแบบนั้น การปูเรื่องราวห้ำหั่นบาดหมางของตระกูลต่าง ๆ ที่ควรค่าจะดูในโรงอย่างยิ่ง อยากดูภาคสองเร็ว
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Dune
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Dune ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ 4 Kings
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ 4 Kings - อาชีวะยุค 90's นี่มันหนังโคตรดี เป็นหนังไทยที่โคตรน่าประทับใจ ไม่นึกว่าจะดีขนาดนั้น มันไม่ใช่หนังแอ็คชันนักเลงตีรันฟันแทง ยกยอปอปั้น อวยว่าคนเหล่านั้นเท่แต่อย่างใด แต่มันคือหนังดราม่าน้ำดี ที่โคตรมีหัวจิตหัวใจ
4 Kings ต่อยอดมาจากหนังสั้นความยาว 15 นาที (Official ใช้คำว่าตัวอย่าง 15 นาที) หนังแทบจะไม่เห็นฉากแอ็คชันอะไรเลย เห็นก็แบบนิด ๆ พอจะเข้าซัดกันหนังก็ตัด เป็นแบบนี้หลายรอบ เข้าใจว่าหนังไม่อยากเน้นเรื่องพวกนี้ อยากเน้นบทเรียนสอนใจ แต่โดยส่วนตัวก็อยากเห็นนะ อยากเห็นซีนแอ็คชันเดือด ๆ ที่ออกแบบโดยทีมงานคนไทยอะไรทำนองนั้น
ตัวอย่าง 15 นาที หนัง ภาพยนตร์ 4 Kings
เนื้อเรื่องนี่โคตรถึง ดราม่า สารภาพเลยว่าน้ำตาคลอเบ้า 2-3 ฉากเลย ไม่ใช่ว่าเคยเป็นเด็กอาชีวะอินหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรพวกนี้นะ แต่หนังมันทำถึงมาก โดยเฉพาะฉากเป้และฉากท้ายเรื่อง แถมระหว่างทางยังมีฉากดี ๆ อีกมาก เช่นฉากที่บ้านเมตตา นั่งคุยกันง่าย ๆ แต่เท่กินใจมาก แล้วตัวหนังก็ไม่ลืมที่จะบอกว่าเรื่องราวพวกนี้แม่งไม่เท่เลย จบไม่สวยเลย
ด้านนักแสดงก็จัดว่าเล่นดีกันมาก ไล่ไปเลยตั้งแต่พี่จ๋าย ไททศมิตร, เป้ อารักษ์, ภูมิ, โจ๊ก, ทู, ณัฏฐ์, พี่แหลม 25 Hours ออกมานิด ๆ แต่ก็เท่ บิ๊ก D Gerrard ก็เล่นได้โคตรอ้อนตีน คือเล่นดีทุกคนอะ
ไม่รู้ว่าจะมีภาคสองหรือยังเปล่านะ แต่โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีเลย มันลงตัว มันโอเคมันดีแล้ว แต่ถ้ามีจริง ๆ ก็คงดูแหละ และอยากให้ทีมงานยังคงยึดแนวทางนี้ต่อไป อย่าเปลี่ยนเป็นแค่หนังนักเลงตีกันเลยนะ รู้สึกภูมิใจและอยากเห็นหนังไทยน้ำดีแบบนี้ออกมาอีกเยอะ ๆ อย่างน้อยปีละเรื่องก็ยังดี
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ 4 Kings
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ 4 Kings ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Recalled
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Recalled - ระลึกหลอน คือหนังที่ผมเข้าไปดูแบบไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยดูตัวอย่าง ไม่เคยอ่านเรื่องย่อ เห็นแค่โปสเตอร์ คือหัวโล่งเลย ตัวหนังเริ่มเล่าเรื่องราวที่ไม่บอกอะไรคนดูอะไร รู้แค่ว่านางเอกเจออุบัติเหตุเสียความทรงจำ จนดีขึ้นสามีก็มารับกลับบ้าน แต่เวลาผ่านไปก็มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้น จนรู้ความจริงว่าคนที่มารับเธอมาอยู่ไม่ใช่สามี แต่ภายหลังก็รู้อีกว่าสามีอยากฆ่าเธอ คนที่มาช่วยตอนแรกเป็นคนดี ระหว่างนั้นก็เห็นนิมิตบางอย่างที่เธอคิดว่าคือลางจากอนาคต แต่นั่นคือความทรงจำในอดีต ฟังแล้วงง ๆ แต่หนังสนุก น่าติดตามมาก สับขาหลอกหลงแล้วหลงอีก
ซอเยจี (ซ้าย) คิมคังอู (ขวา) ใน หนัง ภาพยนตร์ Recalled
ที่มาภาพ : imdb.com
ความสนุกของหนังเรื่องนี้มันเหมือนตัวหนังให้จิ๊กซอว์เรามาทีละชิ้น พอต่อเสร็จที่เรานึกว่าเสร็จแล้ว หนังมันก็ยังเอาจิ๊กซอว์มาให้เราต่ออีก มันเป็นแบบนี้หลายรอบมาก นั่นแหละความสนุกของมัน
นักแสดงเล่นดียกชุดเลย คนอื่นไม่รู้จักเลย รู้จักแต่ ซอเยจี ที่เคยแสดงใน It’s Okay to Not Be Okay (แต่ก็ไม่เคยดูนะ 555) เธอแสดงได้ดีจริง ๆ น่าชื่นชมมาก และรู้เลยทำไมใครหลายคนรัก ฉากจบตอนเธอยื้ม โอ๊ะ ให้ตายเถอะ โคตรพิมพ์ใจ น่ารักมว๊ากกกกก
เป็นหนังที่เซอร์ไพรส์ สนุกเกินคาดมาก น่าติดตามสุด ๆ จึงเข้ามาเป็นอันดับ 5 ของหนังน่าประทับใจแห่งปีนี้เลย
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Recalled
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Recalled ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho
ที่มาภาพ : imdb.com
ผมเป็นแฟนคลับผู้กำกับอย่าง เอ็ดการ์ ไรต์ (Edgar Wright) และปลาบปลื้มน้อง แอนยา เทย์เลอร์-จอย (Anya Taylor-Joy) แบบสุด ๆ นี่แหละเหตุผลที่ซื้อตั๋วไปดู หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho - ฝัน-หลอน-ที่โซโห กับเรื่องราวของเด็กสาวบ้านนอกที่หลงไหลมนต์เสน่ห์แห่งยุค 60s เธอใฝ่ฝันอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์จึงมาเรียนที่มหาวิทยาลัยดังใจกลางมหานครลอนดอน แต่ที่นั่นยามค่ำคืนเมื่อเธอหลับตาลง มันได้พาเธอย้อนกลับไปยังยุค 60s ที่เธอหลงไหล ทำให้เธอได้เชื่อมโยงกับหญิงสาวสวยทรงเสน่ห์ พร้อมดำดิ่งสู่มุมมึดของยุคนั้นอีกด้วย
Anya Taylor-Joy ใน หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho
ที่มาภาพ : imdb.com
ไม่คิดเลยว่า Edgar Wright จะมาทำหนังสยองขวัญระทึกขวัญแบบนี้ถ้าดูจากผลงานที่ผ่านมาอย่าง Shaun of the Dead, The World's End, Hot Fuzz, Scott Pilgrim vs. the World หรือ Baby Driver นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะออกมาเป็นยังไง แถมในเรื่องเจ้าตัวทั้งกำกับเองและเขียนบทเองด้วย แต่แน่นอนว่า Edgar Wright ยังไว้ลายใส่เอกลักษณ์ของตนเองไว้เต็มที่ ทั้งเพลงประกอบที่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบ เสียงรถวิ่ง, เสียงแตรรถ, เสียงคนคุย การก้าวเดินของตัวละคร ที่ลงกับจังหวะดนตรีพอดี มันถูกออกแบบมาได้อย่างลงตัว
งานภาพโคตรว้าวไร้ที่ติด การออกแบบฉากยุค 60s แสง สี โคตรงาม รวมถึงซีนในยุคปัจจุบันก็จัดจ้านงดงามเหมือนงานศิลปะเลยทีเดียว หลายซีนมีการถ่าย เคลื่อนกล้อง มีความ Alfred Hitchcock ที่ผสมผสานความโมเดิร์น โคตรดี ดีแบบดีจริง ๆ
ฉากจาก หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho
ที่มาภาพ : imdb.com
ส่วนน้อง Joy โอ้โหคุณ ตราตรึงตั้งแต่วินาทีแรกของหนัง ยิ่งหนังดำเนินไป ผู้หญิงอะไรเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือทำให้เราตกหลุมรักเธอแล้วตกหลุมรักเธออีกในทุกบทบาท และ โทมาซิน แม็คเคนซี่ (Thomasin McKenzie) อื้อหือไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน เรียกได้ว่าน่ารักมากกกกก
Thomasin McKenzie ใน หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho
ที่มาภาพ : imdb.com
หนังเรื่องนี้น่าติดตามมาก จังหวะเล่าดีไม่น่าเบื่อ น่าติดตาม ทำให้เราอยู่กับหนังได้ตลอด เหมือนมีมนต์บางอย่างดึงเราไว้ตลอดเลยเว้ยจริง ๆ นี่คือผลงานที่งดงามราวกับงานศิลปะ ประทับใจในหลายแง่มาก เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดูชมสุด ๆ
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Last Night in Soho ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ The Last Duel
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ The Last Duel - ดวลชีวิต ลิขิตชะตา เป็นหนังที่ผมได้ดูก็ตอนที่มันเกือบจะออกโรงอยู่ละ ผลงานของปู่ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) นำแสดงโดย แมตต์ เดมอน (Matt Damon), อดัม ไดรเวอร์ (Adam Driver), เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) และ โจดี้ โคเมอร์ (Jodie Comer) แค่ชื่อผกก.และนักแสดงก็การันตีความยอดเยี่ยม พอได้ดูแล้ว โคตรดี ไร้ที่ติจริง ๆ
The Last Duel มีศูนย์กลางเรื่องราวอยู่ที่ผู้หญิงคนนึง Marguerite de Carrouges ภรรยาของ Jean de Carrouges ที่กล่าวหาว่า Jacques Le Gris มาข่มขืนเธอในบ้านของเธอเอง แน่นอน่วาเกิดการพิพากษาขึ้น จนในที่สุดต้องตัดสินความถูกต้องด้วยการสู้กันจนให้ตายไปข้าง
หนังมีวิธีเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ 3 ตัวละครหลักคือตัวละครของ Matt Damon, Adam Driver และ Jodie Comer หากใครนึกไม่ออกมันจะเหมือน ราโชมอน ช่วงเวลาเดียวกัน แต่ต่างมุมมอง ต่างความคิด ต่างความเข้าใจ แต่ละฝ่ายก็จะมีความเข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าข้างตัวเอง ที่ทั้งสองพาร์ทแรกของ ณอง กับ ญาร์ค ก็สามารถทำให้เราคล้อยตาเห็นเชื่อเหตุการณ์ของเขาทั้งคู่
จนกระทั่งพาร์ทของมาเกอร์ริตที่เป็นตัวบอกความจริง ก็เล่นเอาสะเทือนใจไม่ใช่เล่น ถึงแม้จนจบเราจะยังไม่แน่ใจก็ตามว่าตกลงแล้วเรื่องไหนคือความจริงกันแน่ หนังยังแฝงสะท้อนเรื่องราวในยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เรื่องศักดินา เส้นสายอีกด้วย
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ The Last Duel
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Nobody
ที่มาภาพ : imdb.com
ผมโคตรชอบเรื่องนี้เลยว่ะ หนัง ภาพยนตร์ Nobody - คนธรรมดานรกเรียกพี่ มันเหมือนหนังชีวิต John Wick ที่วางมือแล้ว มันมีความกวนตีน บันเทิง มัน เท่ เพลิน สนุกสุด ๆ
นี่คือเรื่องราวของมิสเตอร์โนบอดี้ คนธรรมดา ชายรักครอบครัว มีลูกมีเมีย แต่วันนึงโจรแม่งดันมาปล้นบ้าน เลยเป็นจุดกระตุ้นอยากปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงในอดีตออกมา แล้วดันไปเจอแก๊งอันธพาลเลยโอกาสพอเหมาะ แล้วดันเป็นลูกของหัวหน้ามาเฟียรัสเซีย แม่งเอ้ย โคตรสนุก
Bob Odenkirk จากฉากในหนัง ภาพยนตร์ Nobody
ที่มาภาพ : imdb.com
บ๊อบ โอเดนเคิร์ค (Bob Odenkirk) เล่นได้โคตรเท่ ฉากแอ็คชันแม่งดิบมาก โคตรไร้ที่ติ มันเจ๋งตรงที่มันไม่ได้ดูเหนือมนุษย์แตะต้องไม่ได้แบบ John Wick มันมีเจ็บ มีโดนบ้างเว้ย มันยิ่งทำให้ฉากพวกนี้ดูจริง ยิ่งทำให้คนดูลุ้นทุกครั้ง นี่แหละจุดนี้ที่หนังโคตรมันส์
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Nobody
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Nobody ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home
ที่มาภาพ : imdb.com
ผมคิดมาตลอดว่า Spider-Man เวอร์ชัน ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) เหมือนเด็กโดนสปอยล์ ชีวิตไม่อาภัพเท่าสองคนก่อน มีคนคอยช่วยเหลือตลอด มันเหมือน Spider-Boy มากกว่า มันยังดูเด็ก ยังไม่เจอการตัดสินใจยาก ๆ ซึ่งทั้งหมดมันนำมาที่เรื่องนี้ หนัง ภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home - สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม
ถ้าตัดความเป็นหนังฮีโร่ออกไปนะ นี่คือหนัง Coming-of-age หรือการก้าวผ่านวัยของ Peter Parker ที่ดีเรื่องนึงเลย จริง ๆ มันเป็นแนวนี้มาทุกภาค เราได้เห็นการเติบโตของ Peter ในทุกภาคแหละ แต่ในภาคนี้มันยกระดับขึ้นมาอีกขั้น และเอาวลีเด็ด อย่างพลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง มาขยายความได้ดีจริง ๆ พาร์ทดราม่าก็ดี พาร์ทแอ็คชันก็เพลิน พาร์ทโรแมนติกก็ถึง โดยส่วนตัวรู้สึกว่าภาคนี้ Tom Holland เล่นได้ดีมากโดยเฉพาะพวกซีนอารมณ์เมื่อเทียบกับภาคอื่น ๆ ที่ผ่านมา
Tom Holland ใน หนัง ภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home
ที่มาภาพ : imdb.com
มันอาจไม่ใช่ Spider-Man ภาคที่ดีที่สุด แต่มันอิ่ม ดูแล้วอิ่มจริง ๆ คือมันต้องการอะไรอีก แค่ได้เห็น โทบี้ แม็คไกวร์ (Tobey Maguire) ได้เห็น แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) กลับมารับบท Spidey (พูดแล้วยังขนลุกอยู่เลย) แค่นี้มันก็แบบโคตรดีแล้ว ปลื้มปิติสู่ขิตสุด ถ้าตัดพวกฉากแอ็คชันออกไป แค่เห็น Spidey สามคนคุยกันก็เพลินแล้วอะ รวมถึงทางฝั่งตัวร้ายก็เช่นกัน เป็นหนังที่อิ่มจริง ๆ เซอร์วิสแฟนแบบเต็มอิ่ม กลมกล่อม เข้าถึงหัวใจใครหลายคน เชื่อว่าหลายคนยังคงอยากเห็น Tom Holland ในบท Peter Parker/Spider-Man ต่อไปแน่นอน
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home
อ่านคำวิจารณ์เต็ม ๆ ของ หนัง ภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home ได้ที่นี่
โปสเตอร์ หนัง ภาพยนตร์ The Lighthouse
ที่มาภาพ : imdb.com
จริง ๆ หนัง ภาพยนตร์ The Lighthouse - เดอะ ไลท์เฮาส์ เข้าฉายบ้านเราตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ที่โรง House Samyan และผมก็ได้ไปดูและรีวิวไปแล้วด้วย แต่ที่หยิบยกมาพูด เพราะมันเข้าฉายทาง Netflix เมื่อปลายปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และหนังเรื่องนี้ผมโคตรประทับใจ หนังแม่งไร้ที่ติจริง ๆ กับเรื่องราวของชายที่ถูกส่งไปเป็นลูกมือให้ผู้ดูแลประภาคารที่ต้องคอยดูแลประภาคารเป็นเดือน ช่วงเวลานั้นทำให้ชายคนนั้นต้องพบเจอกับเรื่องราวสุดประสาทแดก
เป็นหนังที่ประสาทแดกมาก สยองขวัญ กดดัน บีบคั้น อึดอัด อึ้ง นี่เป็นหนังขาวดำทั้งเรื่องที่ถ่ายทำด้วยสัดส่วนเกือบจะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เป็นแนวแบบ lovecraft ถ้าใครรู้จักจะพอนึกออก เป็นธีมพวกสัตว์ประหลาดใต้ทะเลเสียส่วนมาก และที่ใช้สัดส่วนแบบนั้นเพราะว่าต้องการบีบคนดูให้อึดอัดกดดัน
หนังอิงมาจากเหตุการณ์จริงในปี ค.ศ. 1801 (พ.ศ. 2344) เกี่ยวกับยามเฝ้าประภาคารสองคนที่ต้องติดอยู่ในนั้นท่ามกลางพายุ ชายคนหนึ่งก็ตาย อีกคนจึงต้องทำงานโดยที่มีศพอยู่ด้วยตลอดเวลา จึงทำให้ชายอีกคนเป็นบ้า นั่นแหละคือแนวคิดตั้งต้นจนออกมาเป็นเรื่องนี้ที่ผสมผสานความเหนือธรรมชาติแบบ Lovecraft เข้าไป จึงมีความสยองขวัญ ความบ้าคลั่ง ปั่นจิตแบบสุด ๆ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะอิน เข้าใจและชอบหนังแนวนี้ เพราะหากใครเคยดูผลงานของ Robert Eggers เรื่องก่อนนี้อย่าง The VVitch ก็จะเข้าใจ ถ้าใครชอบเรื่องนั้น ก็อาจชอบเรื่องนี้ ซึ่งผมชอบทั้งสองเรื่องเลยโดยเฉพาะเรื่องนี้ชอบมาก
Willem Dafoe (ซ้าย) กับ Robert Pattinson (ขวา) ใน หนัง ภาพยนตร์ The Lighthouse
ที่มาภาพ : imdb.com
งานโปรดักชันก็โคตรดี แสงเงา ไร้ที่ติ นักแสดงก็โคตรดีทั้งตัว Robert Pattinson และ Willem Dafoe ซึ่งมีฉากนึงเฮียแกพ่นบทเป็นนาทีรัว ๆ และไม่กระพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียว แม่งโคตรเจ๋ง ทั้งสองนักแสดงห้ำหั่นกันด้วยบทพูด ดูแล้วทึ่ง โคตรทรงพลัง ผมชอบมาก ยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย
ตัวอย่าง หนัง ภาพยนตร์ The Lighthouse
จบกันไปแล้วกับ 10 หนัง ภาพยนตร์น่าประทับใจแห่งปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ หากใครอยากคอมเมนต์พูดคุยกันมาคุยกันได้เลย หรือจะมาแชร์หนังในดวงใจแห่งปีที่ผ่านมาของตัวเองก็ได้เช่นกัน ผมก็อยากคุยอยากอ่านอยากรับฟังของทุกคนด้วย และปีนี้เรามาดูกันว่ามันจะมีหนังประทับใจหรือผิดหวังเรื่องไหนกันบ้าง ท้ายปีเรามาเจอกันใหม่ สวัสดีครับ
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |