สไตล์การถ่ายภาพ ในแต่ละแบบนั้น มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป อาทิ สไตล์การถ่ายภาพสตรีท จะโดดเด่นตรงที่มันเป็นการถ่ายภาพผู้คนในอิริยาบถต่างๆ โดยไม่มีการจัดฉาก, สไตล์การถ่ายภาพมินิมอล โดดเด่นตรงที่ภาพที่ถูกถ่ายออกมาจะไปเน้นที่ความเรียบง่าย แต่มีความหมายแอบแฝงอยู่ และ อีกหนึ่งสไตล์การถ่ายภาพที่น่าสนใจ และอยากแนะนำให้รู้จักกันนั่นคือ สไตล์การถ่ายภาพ "Toytravel"
"Toytravel" (Nui-dori) คือ ศิลปะการถ่ายภาพของเล่น โดยการที่ของเล่นเลียนแบบชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่น การนำของเล่นหรือตุ๊กตาที่เลือกสรรค์ ไปเที่ยว, นั่งกินอาหาร, นอนเล่น, การทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน หรือแม้กระทั่งการนำตุ๊กตานั่งคาดเข็มขัดอยู่บนเครื่องบิน เช่นกัน
และเพื่อเป็นการส่งเสริมการถ่ายภาพ สไตล์การถ่ายภาพ "Toytravel" ให้กับวัยรุ่นยุคใหม่ได้สนุกกันมากยิ่งขึ้น ทางผู้พัฒนากล้องถ่ายภาพชั้นนำ Canon จึงได้นำกล้องมิลเลอร์เลส (Mirrorless) ตระกูล M ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว อย่าง Canon EOS M10 มาจับคู่ถ่ายภาพแนว "Toytravel" กับตุ๊กตาริลัคคุมะ ทำให้เกิดแพ็กเกจ Canon EOS M10 x Rilakkuma ที่มาพร้อมตุ๊กตาริลัคคุมะรุ่นพิเศษของแท้จาก San-X มาให้เลือกซื้อกันเป็นที่เรียบร้อย โดยการวางจำหน่าย เริ่มตั้งแต่วันนี้ - สิ้นเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น และสำหรับใครที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่ >>Canon<<
แน่นอนว่า เมื่อ Canon ได้นำ Canon EOS M10 นำมาจัดรายการแพ็กเกจ เพื่อปลุกกระแส "Toytravel" แล้ว จึงทำให้ใครหลายคนต่างเกิดข้อสงสัยในด้านการใช้งานอย่างแน่นอนว่า Canon EOS M10 มีการใช้งานที่ดีหรือไม่? และ มีอะไรที่โดดเด่นบ้าง? ซึ่งคำถามทั้งหมดที่เพื่อนๆ สงสัยนั้น เราจะแถลงไขให้จบในบทความนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นมาชมสเปคของ Canon EOS M10 กันก่อนดีกว่า
สิ่งแรกที่เราจะมาพูดกันถึง Canon EOS M10 คงไม่พ้นเรื่องการออกแบบ ซึ่งถ้าหากสำรวจดูแล้วทาง Canon ได้ออกแบบ Canon EOS M10 ให้มีรูปร่างที่กะทัดรัด การใช้งานที่ง่าย และสะดวกต่อการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการแชร์ภาพที่มีปุ่มกดแยกออกมาอยู่ด้านขวามือ ที่เพียงแค่กดที่ปุ่มนั้นก็สามารถเลือกการเชื่อมต่อที่ต้องการได้ทันที พร้อมทั้ง ปุ่มเปิดแฟลชที่อยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งเมื่อต้องการใช้เมื่อไหร่ก็สามารถเลื่อนไปด้านข้างเพื่อใช้งานได้นั่นเอง
เลนส์ที่มาพร้อมกับระบบล็อกการใช้งานของเลนส์ ซึ่งในส่วนนี้ นับว่าเป็นข้อดีอย่างมากสำหรับการใช้งาน เนื่องจาก ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับปัญหา การเก็บเลนส์ไม่เรียบร้อย (ถ้าหากเก็บเลนส์ไม่เรียบร้อยตัวเลนส์จะยังยื่นออกไม่กลับเข้าที่) หรือ ป้องกันการเกิดเลนส์ไหลได้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ด้วยระบบล็อกการใช้งานของเลนส์นี้ จะช่วยลดการเกิดปัญหาตามที่กล่าวมาได้อย่างอยู่หมัด
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความทันสมัยให้กับ Canon EOS M10 แล้ว ทาง Canon จึงได้ออกแบบให้หน้าจอมีการใช้งานในระบบสัมผัส ที่เพียงแค่สัมผัสก็สามารถโฟกัส หรือ ถ่ายภาพได้ทันที ซึ่งการใช้งานในส่วนนี้ เราสามารถตั้งค่าได้ ไม่ว่าจะต้องการใช้สัมผัสเพื่อโฟกัสเพียงอย่างเดียว, ปิดการใช้งาน หรือ สัมผัสเพื่อถ่ายภาพได้
เพิ่มเติม : การใช้งานหน้าจอสัมผัสสามารถจิ้มขยายดูภาพได้
แม้ว่า Canon EOS M10 จะเป็นกล้องมิลเลอร์เลสที่มีความพิเศษตรงที่สามารถคุมโทนสี และมีหน้าจอสัมผัสที่กางออกได้สำหรับการเซลฟี่แล้ว แต่รู้กันหรือไม่ว่า Canon EOS M10 นั้นสามารถปรับการตั้งค่าตามโหมดต่างๆ นอกจาก โหมด A หรือ Auto ที่เห็นภายนอก ได้ไม่ต่างกับกล้องมิลเลอร์เลส หรือ กล้อง DSLR เลย?
แน่นอนว่าเมื่อดูการออกแบบภายนอกแล้ว Canon EOS M10 ไม่มีปุ่มหรือเมนูการควบคุมการตั้งค่าเพื่อถ่ายภาพต่างๆ โดยเฉพาะ อาทิ โหมด M, โหมด AV , โหมด TV และโหมด P แต่ถ้าหากเปิดเข้าไปที่เมนูของตัวกล้อง จะพบว่ากล้อง Canon EOS M10 มีโหมดเหล่านั้นให้ใช้งานอยู่ โดยการใช้งานตั้งค่าในแต่ละโหมดนั้น อาจจะลำบากเล็กน้อยสำหรับคนที่ชินกับการหมุนไดอัลบนหัวกล้อง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้การปรับด้วยการหมุนไดอัลบนหัวกล้องอาจจะรู้สึกว่ามันปรับได้ง่ายมากๆ เพียงแค่จิ้มที่หน้าจอตามค่าต่างๆ ที่ต้องการจะปรับเท่านั้น
เพิ่มเติม :
นอกจากนี้กล้อง Canon EOS M10 ยังมีลูกเล่นเอฟเฟคการแต่งภาพอื่นๆ ที่จะทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้ตามสไตล์ต้องตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โหมด HDR, เอฟเฟคเลนส์ตาปลา, ลูกเล่นศิลปะคมเข้ม, ลูกเล่นภาพสีน้ำ, เอฟเฟคกล้องรูเข็ม, ลูกเล่นกล้องของเล่น, ซอฟต์โฟกัส, ภาพหยาบ ขาว/ดำ เป็นต้น ซึ่งโหมดเหล่านั้นถ้าหากคุณไม่ได้ถ่ายภาพด้วยโหมดเหล่านี้ตั้งแต่แรก คุณสามารถเข้าไปแต่งภาพหลังจากถ่ายเสร็จแล้วได้ทันทีเช่นกัน (ยกเว้นโหมด HDR ที่ต้องถ่ายด้วยโหมดของมันเท่านั้น)
(ตัวอย่างภาพ โหมด HRD)
เพิ่มเติม : โหมด HDR (High Dynamic Range) - ระบบการทำงานของ HDR ก็คือ กล้องจะถ่ายภาพสามภาพที่มีปริมาณการเปิดรับแสงต่างกันและนำมารวมกันเป็นภาพเดียวเพื่อปรับโทนสีในส่วนสว่างและปรับให้ส่วนเงาสว่างขึ้น
ส่วนการใช้งานแฟลชบน Canon EOS M10 จะเป็นการใช้งานในรูปแบบ Pop-up ที่เพียงแค่เลื่อนปุ่มที่อยู่ด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวกล้อง แฟลชก็จะเด้งออกมาให้ใช้งานโดยทันที และถ้าหากใครที่ต้องการใช้เทคนิคเบ๊าซ์แฟลชก็สามารถทำได้ เพียงใช้นิ้วดันก้านแฟลชขึ้นตามที่ต้องการได้เลย ซึ่งในจุดนี้เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่ามันจะหัก เนื่องจากแฟลชบน Canon EOS M10 ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานเทคนิคเบ๊าซ์แฟลช อยู่แล้ว
เพิ่มเติม : เบ๊าซ์แฟลช (Bounce Flash) เป็นเทคนิคที่ทำให้แสงแฟลชนุ่มนวลขึ้นเมื่อถ่ายภาพในอาคาร
เมื่อพูดถึงการออกแบบและการใช้งานของ Canon EOS M10 กันไปแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ฟีเจอร์ภายในกล้อง Canon EOS M10 ซึ่งจากที่ลองเล่นอย่างจริงจังแล้ว คงต้องกล่าวว่า เป็นกล้องมิลเลอร์เลสที่มีลูกเล่นในการใช้งานที่เยอะมากๆ ฉะนั้นเรามีฟีเจอร์ที่มีความโดดเด่นที่สุดของ Canon EOS M10 มาแนะนำให้ทราบกันเพื่อที่ทุกคนจะได้ทำความเข้าใจอย่างง่ายๆ
Creative Assist
มาพูดถึงกันในฟีเจอร์แรกที่มีความโดดเด่นในด้านการปรับแต่งโทนสี และสไตล์การใช้งาน ได้ นั่นคือ "Creative Assist (โหมดปรับโทนสี)" ซึ่งในโหมดนี้เราจะได้สนุกกับการปรับโทนสี ตั้งแต่ ตั้งค่ารูรับแสง การชดเชยแสง ค่าคอนทราสต์ ค่าความอิ่มตัวสี ค่าสมดุลสีขาว เพื่อให้ได้โทนสีตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งเมื่อปรับโทนสีบน Canon EOS M10 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเราสามารถบันทึกโทนสีได้สูงสุดถึง 6 แบบ และวิธีการปรับโทนสีสามารถทำได้ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น
ตั้งค่าโทนสี
นอกจากนี้ลูกเล่นของ โหมด Creative Assist ไม่ได้หมดเพียงแค่การปรับโทนสีได้เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีลูกเล่นเสริมเข้ามาเพื่อให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และลูกเล่นนั้นก็คือ การบันทึกโทนจากภาพที่ถูกถ่ายด้วย Canon EOS M3 กับ Canon EOS M10 นั่นเอง โดยวิธีการนี้จะช่วยให้สามารถบันทึกค่าโทนสีได้ โดยไม่ต้องตั้งค่าให้ยุ่งยาก
(บันทึกภาพตัวอย่างโทนสีได้จากเว็บไซต์ https://eosclub.canon.co.th/)
1. การบันทึกภาพจากเว็บไซต์ Canon
2. การแชร์ภาพผ่าน NFC
ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับใครก็ตามที่เมื่อดูภาพจากกล้องของเพื่อนที่ใช้งาน Canon EOS M10 และ Canon EOS M3 แล้วรู้สึกถูกใจในโทนสีของมัน Canon ก็มีลูกเล่นที่รองรับในจุดนี้เช่นกันนั่นคือ การแชร์โทนสีผ่าน NFC
เพิ่มเติม : ใครที่ต้องการศึกษาวิธีการแต่งภาพให้สวยงาม ภายในโหมด Creative Assist สามารถช่วยท่านได้ เนื่องจาก เมื่อกดที่ปุ่ม Info ข้อมูลการแต่งโทนสีทั้งหมดของรูปนั้นจะขึ้นมาให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รูรับแสง การชดเชยแสง ค่าคอนทราสต์ ค่าความอิ่มตัวสี ค่าสมดุลสีขาว ซึ่งในจุดนี้เราสามารถนำไปศึกษา การแต่งภาพให้ได้โทนนั้นๆ หรือ ดัดแปลง ได้
Self-Portrait อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ถ้าหากไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ นั่นเพราะ แม้ว่าจะเป็นโหมดการถ่ายภาพแบบเซลฟี่ แต่มันมีความแตกต่างจากโหมดเซลฟี่จากกล้องมิลเลอร์เลสธรรมดาอยู่ไม่น้อย ด้วยความสามารถที่ปรับการใช้งานในส่วนต่างๆ ได้ ตั้งแต่ ปรับหน้าขาวใส , ปรับหน้าเนียน และ หน้าชัดหลังเบลอ
ปรับหน้าขาวใส
สำหรับใครที่หน้าเนียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กลับมีความหมองจากสาเหตุที่เกิดจาก การตากแดดจนทำให้เกิดฝ้า, นอนดึกหน้าโทรม ลืมใช้บำรุงหน้า และอื่นๆ อีกมากมาย บอกได้เลยว่า Canon EOS M10 นี้ จะเข้ามาช่วยได้อย่างไร้ข้อกังขา เพราะมันสามารถปรับความขาวใสได้สูงสุดถึง 5 ระดับ ด้วยกัน ฉะนั้นลืมเรื่องหน้าโทรม หรือ ความหมองคล้ำไปได้เลย
ปรับหน้าเนียน
รับรองได้ว่า แอปพลิเคชัน 360 องศา ยังต้องชิดซ้าย ถ้าหากเทียบกับการปรับหน้าเนียนของ Canon EOS M10 นั่นเพราะ นอกจากจะสามารถปรับความเนียนได้ถึง 3 ระดับแล้ว เมื่อคุณเข้ามาโหมดนี้มาแล้ว ความเนียนของใบหน้าจะถูกปรับโดยอัตโนมัติ
หน้าชัดหลังเบลอ
แม้ว่าอาจจะดูขัดเล็กน้อย สำหรับการปรับค่า "หน้าชัดหลังเบลอ" จะนำมารวมไว้ในโหมด Self-Portrait นั่นเพราะตามปกติแล้ว ในโหมดเซลฟี่พื้นฐานของกล้องทั่วไปจะมีเพียงแค่ การปรับหน้าขาวใส กับ การปรับหน้าเนียน เท่านั้น แต่ภายในโหมด Self-Portrait จะมี "หน้าชัดหลังเบลอ" มาให้ด้วย ซึ่งประโยชน์ที่แท้จริงของมันสำหรับการเซลฟี่ก็คือ เมื่อเราทำการเซลฟี่ในบางครั้งที่มีคนจำนวนมากเดินไปเดินมา เราจะพบกับปัญหาที่มักจะมีคนมองมา หรือพยายามกวนเวลาเราเซลฟี่ ฉะนั้น ในการปรับหน้าชัดหลังเบลอ จึงช่วยให้เราไม่ต้องปวดใจกับภาพที่มีใครมองเข้ามาอีกแล้ว โดยมันสามารถเบลอได้มากถึง 4 ระดับด้วยกัน
(ตัวอย่างภาพจากกล้อง Canon EOS M10)
"การแชร์ภาพ" นับว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ นั่นเพราะเมื่อถ่ายภาพสวยๆ แล้ว เชื่อได้เลยว่าใครๆ ก็ต้องการที่จะแชร์มันออกไปเพื่อเรียกยอด Like อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำให้มีข้อสงสัยว่า "การแชร์ภาพ" นั้นมันเด่นกว่าการแชร์ของกล้องรุ่นอื่นอย่างไร? คำตอบก็คือ Canon EOS M10 สามารถแชร์ภาพจากกล้อง ไปสู่ Facebook ได้ทันที พร้อมทั้งยังสามารถตั้งสเตตัส หรือ ใส่แฮชแท็กได้อีกด้วย
วิธีการแชร์ภาพจากกล้อง Canon EOS M10 ไปสู่ Facebook
ในกรณีที่ต้องการพิมพ์สเตตัสก่อนโพสลง Facebook
ในกรณีนี้ถ้าหากว่า ใครที่ต้องการจะโพสทันทีก็ไม่มีปัญหาอะไร นั่นเพราะเพียงแค่กดที่ปุ่ม "ส่งภาพนี้" เท่านั้น Canon EOS M10 จะทำการแชร์ไปบน Facebook เลย แต่สำหรับใครที่ต้องการตั้งสเตตัสก่อนโพสละจะทำอย่างไร? คำตอบคือให้เลือกไปที่รูปเครื่องมือที่คล้ายกับช่องข้อความเพื่อพิมพ์ และเมื่อพิมพ์เสร็จเรียบร้อยให้กด "ตกลง" แล้วกดไปที่ "ส่งภาพนี้" เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
เพื่มเติม : สำหรับการแชร์ภาพผ่านกล้องไปสู่ Facebook หรือ สื่อโซเชียลต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสมาร์ทโฟนนั้นจะสามารถทำได้เมื่อตัวกล้อง Canon EOS M10 ได้เชื่อมต่อกับ Wi-Fi อยู่เท่านั้น
ข้อดี
ข้อสังเกต
สำหรับการนำกล้องมิลเลอร์เลส Canon EOS M10 ไปถ่ายภาพสไตล์ "ToyTravel" แล้ว สามารถนำมาพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็นกล้องมิลเลอร์เลสที่ครบเครื่องจริงๆ เพราะนอกจากจะสามารถถ่ายภาพวิว, ภาพบุคคลในโหมดธรรมดาได้ออกมาสวยงามแล้ว มันยังมีโหมด Creative Assist ที่ช่วยให้สามารถปรับโทนสีได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะต้องการสีซีด, สีเข้ม หรือ ปกติ ก็สามารถทำได้
พร้อมกับ โหมด Self-Portrait ที่ช่วยให้การเซลฟีเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด ด้วยหน้าจอสัมผัสที่สามารถกางได้มากถึง 180 องศา และการปรับแต่งลูกเล่นต่างๆ ภายในได้อย่างง่ายดาย บวกกับการแชร์ภาพที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการใช้งานสมาร์ทโฟนอีกแล้ว เพราะสามารถมันสามารถแชร์ภาพผ่านกล้องได้เลย
|
หล่อ ใจดี มีตังให้ใช้ |
ความคิดเห็นที่ 1
10 ธันวาคม 2561 17:41:41
|
|||||||||||||||||||||||||||||
GUEST |
Marvin Ord
Good AfternoonI am writing to introduce B2B niche-relevant emailing lists. https://wowitloveithaveit.com has contact details for businesses operating across 6,000 niches including jewellery stores, vape shops, gas stations, fashion boutiques, manufacturers, wholesalers and many more. If you sell and market to other businesses, then these B2B lists will help you to reach your target audience in a click of a button. Simply go to https://wowitloveithaveit.com, find your niche using a keyword search, preview a sample and check out. All businesses data lists are delivered instantly upon checkout. You will also receive free lifetime updates directly to your inbox. All B2B data lists are currently on offer which will be ending in one week. Thank you for your time!
|
||||||||||||||||||||||||||||